พระไตรปิฎก

ในกาลนั้น วานรตัวหนึ่งเห็นช้างนั้นลุกขึ้นแล้วๆ ทำอภิสมาจาริกวัตร (คือการปฏิบัติ) แด่พระตถาคตเจ้าแล้ว คิดว่า “เราก็จักทำอะไรๆ ถวายบ้าง” เที่ยวไปอยู่, วันหนึ่ง เห็นรวงผึ้งที่กิ่งไม้หาตัวมิได้ หักกิ่งไม้แล้ว นำรว

ฝ่ายพระศาสดา อันช้างนั้นอุปัฏฐากอยู่ ประทับอยู่สำราญแล้ว. ฝ่ายช้างนั้นละฝูงเข้าไปสู่ราวป่านั้น เพื่อต้องการความอยู่ผาสุก.

พระธรรมสังคาหกาจารย์กล่าวอย่างไร?

พระธรรมสังคาหกาจารย์กล่าวไว้ว่า

ฝ่ายพวกอุบาสกผู้อยู่ในเมืองโกสัมพีแล ไปสู่วิหาร ไม่เห็นพระศาสดา จึงถามว่า “พระศาสดาเสด็จอยู่ที่ไหน? ขอรับ.” ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า “พระองค์เสด็จไปสู่ราวป่าปาริเลยยกะเสียแล้ว.”

พระองค์ทรงระอาพระทัย เพราะความอยู่อาเกียรณนั้น ทรงพระดำริว่า “เดี๋ยวนี้ เราอยู่อาเกียรณเป็นทุกข์, และภิกษุเหล่านี้ไม่ทำ (ตาม) คำของเรา ถ้าอย่างไร เราพึงหลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว” ดังนี้ เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในเ

แม้อย่างนี้ พวกภิกษุนั้นก็ไม่เชื่อถือถ้อยคำ, เมื่อภิกษุผู้เป็นธรรมวาทีรูปใดรูปหนึ่ง
ไม่พอใจให้พระตถาคตเจ้าทรงลำบาก กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจ้าของแห่งธรรม ทรงรอก่อน.

ความพิสดารว่า ภิกษุสองรูป คือพระวินัยธรรูป ๑ พระธรรมกถึกรูป ๑ มีบริวารรูปละ ๕๐๐ ได้อยู่ที่โฆสิตาราม ใกล้เมืองโกสัมพี.

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุชาวเมืองโกสัมพี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า “ปเร จ น วิชานนฺติ” เป็นต้น.

หน้า

Subscribe to RSS - พระไตรปิฎก