เห็นสิ่งที่เราชอบก็เฉย ไม่ชอบก็เฉย ๆ
เห็นพระพุทธเราก็เฉย พระธรรมพระสงฆ์เราเฉย ๆ
สภาวะของขันธ์ห้า เกิดแก่เจ็บตาย เราเฉย
โลกธรรม กฎแห่งกรรม เราก็เฉย
พรหมวิหารเราเฉย บารมีสิบ เราก็เฉย
เห็นไตรลักษณ์และองค์มรรค เราก็เฉย ๆ ทุกสิ่งเฉย นิ่งหมด
แม้แต่ความสุขก็เฉย ความทุกข์ก็เฉย ๆ
สิ่งที่เราเคยยินดี เราก็เฉย
สิ่งที่เราเคยเศร้าหมอง เราก็เฉย
ใจมันเฉย ๆ ไปหมด ไม่กระตือรือร้น ไม่ขวนขวาย
ไม่ยินดี ไม่เสียใจ ไม่รำคาญ ไม่เศร้าหมอง
ความรู้ที่เรามี เราก็เฉย
มรรคผลที่เราได้ เราก็เฉย
อะไรจะเกิด เราก็เฉย ไม่ดิ้นรน
เหมือนขี้เกียจ เฉยเมย
เห็นคนรู้จัก ไม่อยากทัก ไม่อยากทาย
เบื่อ ๆ พอ ๆ หยุด ๆ ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น
คนจะด่าเรา ก็เฉย จะชมเรา เราก็เฉย
ไม่มีความหมาย ไม่สำคัญ อย่างไรก็ได้ เชิญตามสบาย
ใจไม่เศร้าหมอง ใจก็ไม่เบิกบาน แต่มันเฉยนิ่ง
จะดีก็เฉย จะเสียก็เฉย ไม่เป็นไร
ไม่สนใจ ว่าจิตจะสว่างหรือไม่ จะสุขสงบหรือไม่
มีปีติหรือไม่ ไม่สนทั้งสิ้น
ไม่มีการยอมรับ และไม่ยอมรับ มันเฉยไปหมด
เป็นคนไม่มีอารมณ์สุข อารมณ์ทุกข์ มีแต่เฉย ๆ
ได้รู้เห็น เส้นทางของฉันนี้ ไม่มีเกิด
การเฉยทำให้ไม่มีอะไรจะเกิดอีก
อยากไม่เกิด โกรธไม่เกิด หลงไม่เกิด
ไม่มีเหตุจูงใจอะไร ที่จะชวนให้ฉันเกิด
ความดีบุญฉันก็เฉย บาปฉันก็เฉย
ทุกสิ่งมันนิ่งไปหมด สงบไปหมด
ว่าง ๆ ไม่มีอะไร ความคิดนิ่ง วาจานิ่ง การกระทำนิ่ง
ปีติสุขก็เฉย ๆ ไม่มีสิ่งใดกวนใจ เฉย ว่างหมด
กิเลสตัณหาอุปาทานไม่เกิด
อยากดี อวดดีไม่เกิด ติชมก็ไม่เกิด
ให้จิตดูรู้อารมณ์ ไม่อยากเกิด หรือเห็นการไม่เกิด
ไม่อยากเกิด เพราะเข็ดทุกข์ กลัวลำบาก
มีความเบื่อเซ็ง ถ้าได้สุขแล้ว ลืมเซ็งลืมเบื่อ
หรือเห็นเขาว่าไม่เกิดดี ก็ชอบตามเขาพูด
เป็นอย่างนี้คือของเทียม เห็นทีต้องมาเกิดใหม่
ถ้าเห็นความไม่เกิดเป็นของแน่จริง เป็นอารมณ์นิ่งเฉย
จะไม่มีการเกิดจริง ๆ กับเราอีก
เพราะทุกอย่างดับหมด สุขทุกข์ดับหมด
ไม่มีอะไรเกิดอีก ตามันเห็น จิตรับรู้
อารมณ์จิตมันเฉย ๆ นิ่งสงบ
ใจมันคุ้นเคยกับอารมณ์ไร้สุข อารมณ์ไร้ทุกข์
ยามอารมณ์รับสุขก็เฉย อารมณ์รับทุกข์ก็เฉย
สนุกถูกใจก็เฉย ไร้สนุกมีทุกข์ก็เฉย ๆ
เห็นคนมากด้วยบุญบารมี เราก็เฉย
เห็นคนขาดบุญบารมี มีบาปหนา เราก็เฉย
อะไรจะเกิดขึ้นกับใคร เราเฉยหมด
แม้แต่สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับเรา เราก็เฉย
โลกจะเปลี่ยนแปลง ธรรมชาติจะวิบัติ ภัยร้ายจะเกิด เราเฉย ๆ
ใจมันนิ่งสงบว่าง ๆ ไม่มีอะไร ไร้สุข ไร้ทุกข์ ใจเป็นกลาง ๆ