โอม…มหัศจรรย์ 5 วัน ในอินเดีย

1 โอม…มหัศจรรย์ 5 วัน ในอินเดีย

โดย ธรรมะเบ็ดเตล็ด ลูกศิษย์หลวงพ่อชุมพล พลปัญโญ

ฉันตัดสินใจไปเพราะคำพูดของพี่เขี่ยมบอกว่า “จุ่มตัวเธอไม่สำคัญเลยสักนิด ถึงเธอไม่อยู่ คนอื่นเขาทำงานได้เผลอๆ อาจจะทำดีกว่าเธออีก ” เออ…ใช่ ถ้าฉันไม่อยู่บริษัทก็อยู่ได้ ไปก้อไป ฉันตัดสินใจก่อนไป 14 วัน จะเดินทางทำให้เจี๊ยบเพื่อนฉันต้องวิ่งทำ visa เร่งด่วนขอโทษนะเพื่อน ฉันมันช้าประจำ เดินทางถึงสนามบินตรงเวลาเผง 10.00 น.

ทัวร์นัดประตู 4 แต่หัวหน้าไปรอประตู 1 ช่างเป็นทัวร์ที่รอบคอบมาก เจอประเสริฐและวุ้นยืนยิ้มเฉ่งต้อนรับ เอ้า…เธอมาได้ยังไงไฉนโลกกลมเช่นนี้เพื่อนสมัยปี 2529 มาเจอกันอีกแล้วและเจอพี่กำ เคยพบร้านชัยเจริญ 2 หน้าตาสว่างสดใสมาก น้องโส่ยเข้ามาทักว่าพี่จุ่มใช่ไหม พี่เจี๊ยบฝากโส่ยมาดูแล เออ…ขอบใจนะเพื่อน ฉันดูแลตัวเองได้ Check in เสร็จ ฉันขอไป ช๊อปปิ้งดีกว่า เหลือเวลาไม่มาก แต่รอ…สวัสดีทักทายอาจารย์ประเสริฐก่อนดีกว่า คุณนิดหัวหน้าทัวร์บอกว่าเจอกัน 11.30 น.หน้าประตู D1 นะน้อง…ขอบคุณค่ะ ฉันขอเข้าไปก่อนซื้อเครื่องสำอาง, น้ำหอม ตามความอยากถึงประตู D1 เวลา 11.45 น. ฉันช้า...อีกแล้ว

ขึ้นเครื่องมาเจอ... คนนี้หน้าตาคุ้นมากเลยนั่งชั้น 1..นึกออกแล้ว!.. อาจารย์สวัสดีค่ะไปไหนคะ..อาจารย์จะไปบวชลูกที่พุทธคยา ดีจังอาจารย์ แล้วเธอล่ะจะไปไหน หนูจะไปทอดกฐินที่วัดพุทธคยา ในวันที่ 17 ตุลาคม เรียนเชิญอาจารย์ที่วัดนะค่ะ. บนเครื่องที่ว่างตรงป้าแจ๋วรอฉันอยู่นั่งลงฟังป้าคุยตั้งแต่กรุงเทพฯยันคยาไม่ได้หลับเลย อีกด้านเป็นผู้ชายผิวคล้ำผอมสูงฉันหันไปบอกขอโทษด้วยนะคะถ้าเสียงดัง มารู้วันสุดท้ายว่าเป็นรองอธิการบดี รร. เกี่ยวกับพระ

ลงที่สนามบินคยา chenk in ด้วยความอดทนในการรอคอยเพราะมีคอมฯอยู่ตรงหน้าแต่ไม่ได้ใช้ วางไว้ทำไมให้ลุงแก่ ๆตาดีรึเปล่าก็ไม่รู้นั่งทำงานอ่านกว่าจะเสร็จนานโข แล้วโยนพาสปอร์ตให้โดยไม่ดูหน้า แล้วลุงจะรู้ได้ไงนะว่าคนเดินทางตรงกับ visa รึเปล่า Incredible India จริงๆ

เข้าไปรอกระเป๋ามีพนักงานที่สนามบินเดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทางยินดีปรีดา Do you remember me ? ฉันจะไปรู้จักเธอได้ไงอย่ามามั่วนะ....ฉันพึ่งมาเป็นครั้งแรกนะยะ

ออกจากสนามบินตรงสู่โรงแรม กระเป๋าต้องถูกแยกเป็น 2 ที่ โรงแรม ต๊าสเดอบ้า สีเหลืองโรงแรม residency สีชมพู พระเจ้า! กระเป๋าฉันมี 2 ใบแล้วฉันก็มีโบว์ทั้งสองสี แล้วฉันจะไปไหนดี พี่นิดเป็นหัวหน้าทัวร์ไม่เป็นไรน้อง... นอนกับใครเหรอ.. ฉันตอบ…นอนกับพี่ต๊ะคนไหนก็ไม่รู้ ทุกคนในทัวร์ตาโตบางคนอ้าปากค้าง...บางคนมาดูฉันเหมือนตัวประหลาด...อะไรกันนี่…ทำไมต้องมองฉันแปลกขนาดนั้น

ถึงโรงแรม residentcy ก่อน ฉันก็เจอพี่ต๊ะตัวจริงเสียงจริงเข้าแล้ว ...น้องๆ เจี๊ยบบอกว่านอนกับเจี๊ยบก็ได้อัดเข้าไป 3 เตียงเลยนอน 4 คน ห้อง 326 "โอเคพี่ ไม่เป็นไรจุ่มนอนได้" ขึ้นไปเก็บกระเป๋า เจอตี่(น้องพี่ดี้) "อ้าวพี่จุ่มมาแล้วเหรอเดี๋ยวไปนอนอีกห้องนะ" ที่ทัวร์เขาจัดห้องให้เพิ่มอีก 1 ห้อง…เออดีไม่ต้องอัดกัน 4 คน เก็บกระเป๋าเข้าห้อง 221 มุ่งตรงสู่วัดพุทธคยา ดินแดนมหัศจรรย์ !

(ฉันมองเจดีย์พุทธคยาเบื้องหน้าเหมือนความวางเฉย ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่มีสีสัน ไม่มีคำเชิญ เธอมาแล้วเหรอ)....ตี่บอกพี่จุ่มต้องมองที่วงกลมที่ 3 นะแล้วมีพลัง พลังอะไรฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรกับวงกลม ก็วงกลมเรียงลงมาเป็นเจดีย์นะไล่เรียงลงมาจากวงเล็กเป็นวงใหญ่แล้วก็ใหญ่ขึ้น…ลงบันไดเพื่อเข้าไปในเจดีย์ นมัสการพระเมตตาไฉนในเจดีย์ ช่างแตกต่างกับภายนอกมากมายนัก องค์พระสง่างามมาก ๆ ดวงตาโตมองมายังฉันอย่างเมตตาริมฝีปากยิ้มกับฉัน ฉันเคยรู้จักพระองค์ท่านเหรอ ไม่หรอก..พระองค์ท่านคงยิ้มด้วยความเมตตากับทุกคนที่มองพระพักตร์ของท่านเป็นแน่ รูปทรงงดงามหาที่เปรียบไม่ได้

ภายนอกเจดีย์ ทำไมผู้คนขวักไขว่อย่างงี้ มีทุกชาติทุกภาษา มากันเยอะจังนะ ตี่บอกว่าพี่จุ่มไปหาพี่เจี๊ยบกันไหม…ขัดกระถางธูปกันอยู่ เดินไปด้านขวาของเจดีย์ ขึ้นบันไดผ่านรูปพระพุทธองค์อยู่ใต้พญานาคดูสงบและเยือกเย็น “เฮ้ย! เจี๊ยบเป็นไงเหนื่อยไหม ขัดกระถางทั้งคืน” โอ้ แม่เจ้า! ทำไมกระถางอลังการงานสร้างอย่างงี้ อาจารย์ประเสริฐมีแรงบันดาลใจได้อย่างไร แล้วเพื่อนฉันทำไมขยันจัง มานั่งขัดกระถางถึงอินเดีย น่าประหลาดใจจริงๆ แบมกับบั๊ดก็ขัดด้วยความสุขสันต์ ดูเป็นครอบครัวอบอุ่น.

คนอื่นๆในทัวร์หายไปไหนหมดไม่รู้ ตอนเย็นๆอาจารย์ประเสริฐมาดูกระถางธูป ทุกคนดูช่วยกันขยันขันแข็งมาก (ดีจัง) เป็นสังคมใหม่ที่ฉันไม่เคยรู้จัก ทุกคนเป็นเหมือน...เพื่อนสนิท อาจารย์พาทุกคนมานมัสการหน้าเจดีย์ตอนใกล้ค่ำ พี่กำบูชาท่านด้วยท่าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไมต้องยกมือขึ้นไปไว้บนหัวอย่างนั้น คุณเมี่ยงเดินมา ได้ยินเสียงก่อนเห็นตัว “ขอเเรงไปช่วยทำอุบะข้างเจดีย์หน่อยนะคะ” ... ได้ๆ ฉันเดินตามมาโดยดี มีคนทำอยู่แล้ว 4-5 คน ฉันมาเจอประเสริฐ(แฟนครูวุ้น)อีกครั้ง ยืนยิ้มแฉ่งอีกแล้ว ทำดอกไม้หาใช่งานถนัดของฉันไม่ “ไม่เป็นไรแค่ยืนจับให้เขาแปะกาว” บัดดล ! เดินมาใกล้ประตูทางออกด้านข้างซ้าย มือฉันเป็นอะไร…เหมือนมีก้อนลมกลมๆถูกปั้นขึ้นให้เป็นก้อนที่สามารถทำให้ฉันจับ แต่จับไม่ได้ แต่ประคองให้ก้อนลมนั้นอยู่ในอุ้งมือฉันได้ ช่วยติดอุบะได้ไม่กี่อันมีเสียงเรียกให้กลับไปกินข้าวที่โรงแรม “เดี๋ยวมาทำต่อ” กินข้าวเสร็จกลับไปจัดดอกไม้แล้วก็ขัดกระถางต่อ

มาที่เจดีย์อีกครั้ง แบ่งงานกันไปทำ ฉันจะทำอะไรดี คนขัดกระถางก็หลายคน ไปช่วยทำดอกไม้ดีกว่า ดูท่าเหลืออีกเยอะ ฉันเลือกที่จะทำใต้ต้นโพธิ์เพราะตั้งใจว่าอยากได้ได้ใบโพธิ์สัก 3 ใบ กลับบ้านได้ยินคำร่ำลือว่า “ ต้นโพธิ์จะร่วงให้เอง ถ้าอยากให้คนไหน” โอเค…ไม่ใช่ฉันแน่ที่ต้องรอ ฉันต้องช่วยทำดอกไม้ก่อน ช่วยพันดอกแวนด้ากับหลอด มัดติดกับไม้เสียบลูกชิ้น ทำไมเยอะเช่นนี้นะ มัดจนเนื้อที่นิ้วถลอกติดออกมาด้วย ไม่เป็นไรทำบุญได้บุญ เสร็จแล้ว ! ตีหนึ่งแล้วเวลาที่อินเดีย ทำไมฉันไม่ง่วงเลยกลับรู้สึกสดชื่น เพราะว่ารอจะเดินหาใบโพธิ์ ถึงเวลาแล้วเดินหาใบโพธิ์เจอ 2 ใบ แล้วได้ที่แท่นพระพุทธ 2 ใบ วุ้นยืนอยู่ด้วยเลยให้วุ้นไป 1 ใบ ก็หาไม่ยากนิเดี๋ยวเจอใหม่เดินวนไปวนมาใต้ต้นโพธิ์ "หาใบโพธิ์เหรอลูก" …ค่ะ หันไปมีพระไทยยืนอยู่แล้วล้วงใบโพธิ์มาให้ 1 ปึก เลยก้มลงกราบถวายเงินให้ด้วยความประหลาดใจแล้วได้พระพิฆเนศวรมาอีก 1 องค์ด้วย ส่วนคนอื่นยังทำดอกไม้ไม่เสร็จ แม่ชียืนกวาดแมลงอยู่ใต้ต้นโพธิ์แล้วเห็นฉันเดินหาใบโพธิ์ เลยให้มาอีก 1 ปึก…โอ้ ! ได้หลายใบก็ดีเหมือนกันจะได้ฝากคนที่ร่วมทำบุญมาทอดกฐิน…ดีจัง "พี่อยากได้ใบโพธิ์ เหรอเดี๋ยวผมช่วยหา" อ้าว! นายเป็นใครทำไมมาพูดไทยแถวนี้ หุ่นนายเหมือนคนทิเบตเลย สูงโย่งหัวล้าน เพราะนายคนนี้ชื่อ “แสวง” มานั่งวิปัสสนาอยู่เป็นเวลา 10 ปีแล้ว “เออดีนายแขนยาว เอาไม้เขี่ยใบที่ร่วงในรั้วเหล็กนี้ดีรู้สึกว่ามีสวยๆ เยอะ” (ปรากฏว่าฉันได้ใบโพธิ์มาด้วยตนเอง ได้จากพระ, แม่ชี,ฆราวาส) แล้วแสวงว่า “พี่จำไว้นะ คนที่มาเจอที่นี่ ไม่ใช่แค่บังเอิญ” เออค่ะ…ฉันจะจำไว้ ตอนนี้ตี 2 แล้ว มีคนมาตามพี่จุมพลกลับโรงแรม ค่อยมาทำต่อตอนเช้านะ แล้วแสวงพูดต่อว่า "พี่รู้สึกหรือเปล่า ว่าสุดยอดต้องเป็นเปลือกโพธิ์ เพราะว่ามีคนที่ภูเก็ต 5 คน นั่งรถไปเที่ยวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 4 คน รอด 1 คนเพราะคนนั้นห้อยคอด้วยเปลือกโพธิ์" จริงดิ…ฉันอยากได้อีกแล้วฉันต้องหาให้ได้

ตี 5 วันที่ 2ฉันมาอยู่ที่วัดอีกแล้ว เช้าวันนี้เขาทอดมหากฐินตอนบ่ายจะถวายกระถางธูป ฉันได้นอนน้อยมาก ถ้าอยู่เมืองไทยฉันต้องเป็นไมเกรนแน่ ๆ เพราะฉันเป็นเด็กอนามัยต้องนอนมาก ๆ กินมาก ทานกาแฟทั้งวัน กินแต่ของอร่อยถูกปากทุกมื้อ แพ้ฝุ่น ตาแดงกล่ำเมื่อเจอขนผ้า แพ้แดด ปวดหัว

ตายแล้ว…วันนี้ฉันต้องมาปูฟูกที่มีแต่ฝุ่นและผ้าที่มีแต่ขนผ้าฟุ้งเต็มไปหมด ฉันอยู่ได้ยังไง ต้องได้สิเพราะทุกคนมาถึงก็พุ่งใส่งานทุกอย่าง ทุกคนยิ้ม ทุกคนทำงาน ทุกคนช่วยกัน อาสนะพระ 550 รูปถูกจัดขึ้นในพริบตาทำได้ไวอย่างนี้ ดูเพื่อนฉันจะขยันขันแข็งตลอดเวลากว่าคนอื่นเธอเอาแรงมาจากไหนนี่ พี่ดี้เดินยิ้ม ฉีกผ้าขาวปูพื้น ผู้จัดการทีมแบ่งงานให้ทุกคนมีส่วนร่วม ฉันได้อยู่ประตู 6B พูดภาษาอังกฤษกับพระที่มาร่วมงาน จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย เพราะเพื่อนฉันไปบอกว่าฉันพูดได้ หารู้ไม่ฉันดำน้ำตลอด...เอ้าเก่งก็เก่ง...ต้องทำได้

ฉันไม่รู้ concept งานเลย เขาให้ทำอะไรก็ทำ ทานข้าวกล่องเสร็จ เอ้า! ฉันมาอยู่ประตูด้านซ้ายตรงที่รับพลังได้อีกแล้ว...ดีจัง เวลา 07.30 น. พระเริ่มทยอยมาร่วมงาน เออ! เก่งจัง ทีมงานเขาเชิญพระมาได้ยังไงจากหลายประเทศ หลายวัด ทุกองค์ถือการ์ดมาแต่มีพระที่เป็นพระเฉพาะ ต.ค.-ธ.ค.ของทุกปี อยากเข้างาน มีนายตัวดำชื่ออะไรไม่แน่ใจฉันเรียก A.J. พูดไทยได้บ้างอังกฤษได้บ้างมั่วพอกัน มีผู้หญิงไทยอีก 2 คน ชื่อพี่หน่อยกับจิตยืนกับฉัน พระเฉพาะกาลอยากเข้าไปในงานมาก แต่ไม่มีการ์ด เข้ามาพูดขอเข้าไปข้างในจาก 1-2-3-10-15 เอ้า ! เขาฟังภาษาอังกฤษฉันเข้าใจไหมเนี่ย ฉันจะถูกพระเฉพาะกาลรุมไหมเนี่ย พี่หน่องมาแล้ว พี่หน่องเข้ามาช่วยฉันเคลียร์เพราะฉันจะต้านไม่ไหวแล้ว…อะไรกันเนี่ย

ข้างในมีดีอะไร…ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมต้องอยากเข้าขนาดนี้ มียามอินเดียชั้นในอีก 3 คน กับประเสริฐ(แฟนครูวุ้น)ยืนยิ้มตลอด ทำไมไม่มาช่วยฉัน มัวแต่ยืนยิ้มนี่เอง เวลา 09.00 น. เริ่มพิธีมีพระฝรั่ง, ไทย, ธิเบต, พม่า, ศรีลังกา, อินเดียและนักข่าวอินเดีย ดูคึกคักดีจัง งานสวยงามมากด้วยฝีมือน้องต๋อง พิธีเรียบง่าย สวดไม่ยาวมาก ทุกอย่างพอดีหมด พี่ดี้รับหน้าที่ถ่ายรูปตลอดงาน พี่เจี๊ยบรับหน้าที่จัดข้าวของเป็นถุง ๆ อะไรก็ไม่รู้ ฉันกับตาเลยได้ทอดผ้าแทน 2 คน นี่...ขอโทษนะเจี๊ยบ ฉันขโมยซีนเธออีกแล้ว ฉันกับตาเข้าไป 2 คน สุดท้ายมีพระ 6 รูปยังไม่ได้ทอดผ้า เอ้า! แล้วคนอื่นหายไปไหนหมด หันหน้าไปถามอาจารย์ประเสริฐว่า ”เอายังไงดี” อาจารย์ประเสริฐพยักหน้ากับฉันแปลเอาว่าทอดเลย คนละ 3 รูป พระองค์ที่ฉันทอดผ้าพูดว่า “เมื่อกี้อันนี้ดีดลงมาหน้าหลวงพ่อ” แบมือรับจากหลวงพ่อ…พระเจ้า! ฉันได้เปลือกโพธิ์เขียนรูปพระพุทธเจ้าด้วย ฉันได้แล้ว…สุดยอดเลยขอบใจนะแสวงที่บอก

เที่ยงกลับไปทานข้าวที่โรงแรม บ่ายกลับมาที่กระถาง เพื่อเตรียมงานถวายกระถางธูปแก่วัดกับเจ้าอาวาส กระถางสวยงามมาก มีการบรรจุลูกแก้วลงไปในก้นกระถาง ทุกคนที่มามีลูกแก้วหมดฉันไม่มี…ไม่เป็นไรทุกคนมีแผ่นทอง เอ้าของฉันอยู่ไหน มีอาจารย์ประเสริฐเอามาให้เขียน “พระพุทธศาสนา สมณโกดม 2550 ปี ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ได้บำเพ็ญมาจงสำเร็จมนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ทุกภพทุกชาติด้วยเทอญ” เขียนชื่อครอบครัวฉันลงไป แล้วม้วนใส่กล่องสวดแบบเงียบๆ ตั้งจิตอย่างเดียว ตั้งอย่างไรก็ไม่รู้ อย่าคิดอะไรเลยหายใจเข้า-ออกก็พอดีกว่า เพราะไม่รู้จะพูดอะไร…สงบมากๆ รู้สึกปลอดโปร่งเป็นอัศจรรย์

ถึงโรงแรม ห้อง 221 โดนขอคืน เลยต้องย้ายไปนอนกับพี่เจี๊ยบห้อง 326 แบมเลยต้องไปนอนกับตี่ห้อง 327 พี่ดี้นอนกับพี่หน่องห้อง 325 ทัวร์อะไรกันเนี่ย ช่างเตรียมพร้อมให้ลูกทัวร์ได้น่าประหลาดใจดีแท้…

เริ่มเดินรอบแรกมีหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี ใส่เสื้อเชิ้ตกับslack แบบคนทำงาน office บ้านเรามาชี้หน้าฉันแล้วบอกว่า “In the past you lived here.” ฉันทำหน้างง ! แล้วเดินต่อ...

อาจารย์บอกว่าให้ตั้งจิตให้ว่างแล้วเดิน ตั้งยังไงดีหว่า...ว่าตามหลวงพี่ชุมพลดีกว่า…
“หายใจเข้า.....โลกนี้…หายใจอออก.....เป็นทุกข์”
“หายใจเข้า......นิพพาน…หายใจออก......เป็นสุข”

นึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

เสร็จตอนเย็นมีเจ้าอาวาส 1 รูป รองเจ้าอาวาส 2 รูป ดำกับขาวพระอีก 2 รูป รวมเป็น 5 มารับกระถางธูป พร้อมกับแจกรูปพระโพธิสัตว์และให้ผ้าขาวพันคอคนละผืน ทุกคนๆ ตื่นเต้นกับความสวยงามของกระถางธูป ฉันเลยลงไปนั่งข้างรองเจ้าอาวาสองค์ดำแล้วบอกขอผ้าและธูปพระองค์ท่านให้เพื่อนที่เมืองไทยที่ฝากทำบุญ รองเจ้าอาวาสบอกว่า “เธอใจดี” เอาไปหมดถาดเลย…

เอ้า ! ส้มหล่นอีกแล้ว ช่วยกันเก็บของรอบๆ กระถางฉันเดินรอบเจดีย์ได้ 2 รอบ ก็ 2 ทุ่มพอดี ต้องไปกินข้าว นอนดีกว่าเพราะ 2 วันนี้นอนน้อยมาก

พรุ่งนี้เช้าตื่น(ฉันจำเวลาไม่ได้) แต่ทุกคนเดินตามอาจารย์ประเสริฐ ฉันก็เดินตามเขาเอาไงเอากัน ตั้งจิตนะ…ไหว้ตรงไหนก็ไหว้ตาม พูดอะไรก็พูดตาม ให้อาจารย์ลูบหัวก็ลูบด้วยสนุกดี เดินตามเดินได้ 27 รอบ โอ้ ! เร็วจังฉันคิดว่าจะเหนื่อยซะอีก ทำไม 2 รอบเมื่อวานเหนื่อยจัง 27 รอบไม่เหนื่อยเลย…ดีจัง

กินข้าวเที่ยงกลับมาเดินบ่ายแก่จนมืด ทำไมฉันได้กลิ่นหอมจังกลิ่นมาจากไหน ประตูด้านซ้ายตรงกับอีกเสา เสาหน้ามีพลัง อีกเสามีกลิ่นหอม ปาดจมูกไป เหมือนลมพัดโชย ฉันคิดคงเป็นกลิ่นดอกไม้ที่ชาวพม่ามาปักไว้ แต่กลิ่นดาวเรืองไม่ใช่กลิ่นที่ฉันได้…แต่ฉันก็บอกไม่ถูกว่ากลิ่นหอมของดอกอะไร ทุกรอบในคืนนั้นฉันได้รับกลิ่นหอมเย็นตลอด ฉันเดินได้อีก 27 รอบ ทัวร์ครั้งนี้แปลกมากกว่าที่ฉันเคยไปทุกครั้ง เพราะทุกวันฉันต้องไปวัดเช้า สาย บ่าย เย็น มืด ฉันเลยบอกเจี๊ยบว่ามาครั้งนี้ “ฉันมาทำธุระ” หรือไง สนุกมากๆ ไปวัดแต่ละวันมีเหตุการณ์ให้ฉันตื่นเต้นตลอดเวลา วันนี้วันที่ 4 แล้วพรุ่งนี้จะกลับแล้ว ฉันเดินได้แค่ 54 รอบ จะทันไหมเนี่ย…ฉันตั้งจิตหน้าเจดีย์ว่าไหนมาแล้วขอให้เดินได้ครบ 108 รอบ ตามคำแนะนำของเจี๊ยบเพราะมาไกลเหลือเกินฉันตั้งหน้าตั้งตาเดินให้ครบทุกรอบที่เดินวันนี้…
“หายใจเข้านับ 1…หายใจออกนับ 1”

“หายใจเข้านับ 2…หายใจออกนับ 2”
“หายใจเข้านับ 3…หายใจออกนับ 3”

ฉันเดินรอบเจดีย์นับได้ 21 บ้าง 22-23-24-25 บ้าง เพราะบางครั้งติดฝูงชนมาก

ฉันเดิน มือฉันถูกหงายให้ฝ่ามือรับลมที่เป็นก้อนกลมให้ฉันประคองไว้ ฉันเลยลืมเรื่องปวดขาเพราะมัวประคองก้อนลมที่อยู่ในมือฉัน เหลืออีก 12 รอบ ค่อยเดินต่อพรุ่งนี้ดีกว่า ฉันไปนั่งรถมอเตอร์ไซด์ทัวร์วัดทั้งเมืองกับน้องต๋องผู้จัดดอกไม้สุดฝีมือ กับไกด์ประจำวัดชื่อ” ซันเจ ” เป็นวันแรกที่ได้ออกนอกสถานที่ไปวัดเนปาล วัดญี่ปุ่นมี 3 วัด วัดทิเบตและถ่ายรูปกับน้องต๋องที่คิดว่าตัวเองเป็นนายแบบสุดหล่อแล้วฉันก็คงเป็นนางแบบสุดสวยสิ…ขอโทษนะน้องพี่แก่ไปหน่อย

แล้วตอนเย็นของวันนั้นตัวฉัน เจี๊ยบ วุ้น ต๋อง ตี่ เอเจและซันเจ เดินช๊อปปิ้งที่ Emporium อินเดียทั้งร้านเป็น 1 ห้องแถวมีขายผ้าอย่างเดียว หน้าร้านมีโชว์เล่นกับงูหวาดเสียวดีไหม เราต่อราคาผ้า จนแขกเวียนหัว เราเองก็เวียนหัวพอกัน เหมาขนผ้ากันทุกคนได้แถมมา 5 ผืน รู้สึกภูมิใจกับฝีปากตัวเอง แต่เสียเวลาไปนานมาก…คุ้มกันไหมเนี่ย วันสุดท้ายของการเดินทางสุดแสนมหัศจรรย์ของฉันเหลือเดินแค่ 12 รอบ จิ๊บ จิ๊บ… มีคน 2 ชุด จะต้องกลับสายการบินอินเดีย ตอน 06.30 น. กับการบินไทยกลับตอน 11.00 น. ฉันกลับรอบหลัง ครอบครัวเจี๊ยบกลับรอบแรก ฉันเลยต้องอยู่คนเดียว 07.00 น. ฉันเดินเสร็จแล้วฉันเลยไปนั่งใต้ต้นโพธิ์เพื่อรอเวลา 08.00 น. กลับไปกินข้าวเจอวุ้นนั่งกับแม่ ฉันหันไปเห็นนายแสวงนั่งอยู่ เขาเลยทักว่า "พี่เดินครบ 108รอบหรือยัง"…"ครบแล้วจ้า" " งั้นผมพาไปอีกที่ 9 รอบเอาไหม"…ก็ได้ยังมีเวลาอีก 1 ชม. "วุ้นเดี๋ยวเรามา เราไปเดินรอบใหญ่แป๊บเดียวนะ" นายแสวงพาเราไปด้านบนสุดทางเดินรอบใหญ่ ให้เราสวด “อิติปิโส ” ตรงหน้าเจดีย์วงกลมที่สามนั่นแหละ “พี่เดินสัก 3 รอบก็ได้ถ้าเดินไหว เริ่มเดินนายแสวงก็เริ่มบรรยายเล่าพุทธประวัติ เล่าความเป็นมาของสถานที่เหล่านี้ไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาการของเราเริ่มแปลกๆเหมือนปลายนิ้วมีรูมากมายแล้วแย่งกันขยาย เหมือนรูเหล่านั้นถูกลมเป่าเข้าไป มันตึงแน่นจนเราต้องกางนิ้วออกเพื่อเพิ่มให้ขยายได้ แขนเราก็ถูกลมเป่าเข้าไปจนต้องกางออก 45 องศา เพื่อลมเข้าไปสะดวก เราก็เดินรับลมตลอด เวลา เดินผ่านพระองค์ท่านนั่งอยู่ใต้พญานาค ไฉนลมที่มือฉันพานิ้วชี้ฉันกับหัวแม่มือม้วนเป็นวงกลมยกขึ้นเสมอตาต่อหน้าพระพักตร์ “แสวงฉันเป็นอะไรเนี่ย”…“ ที่ตรงนี้เป็นปางสมาธิสมัยพุทธกาลที่พระองค์ท่านนั่งสมาธิมีฝนตกหนักมากแต่พระองค์ท่านยังทรงนั่งอยู่พญานาคเลยมาบังฝนให้พระองค์” ฮืม ! แปลกดีนะ

ฉันเดินท่ากวาดลมไปเรื่อย แสวงเล่าต่อว่า…"สมัยพุทธกาลที่ริมแม่น้ำเนรัญชราอยู่ใกล้กับต้นโพธิ์พระองค์ท่านนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ มีนาย…ฉันจำไม่ได้เอาหญ้า 5 กำมาถวาย" ฉันคิดเอาเองว่านี่คงเป็นที่มาว่า "ทำไมเราต้องบูชาพระองค์ด้วยธูป 5 ดอก" ผ่านมาถึงลานปูน เลยประตูหลังมาตรงหน้าต้นโพธิ์ แขนฉันเป็นอะไร…ปวดร้าวเข้าไปถึงกระดูกแขนบน ต้องขดตัวงอ ฉันเดินไม่ได้ หัวเข่าฉันย่อลง เดินไม่ไหว “แสวงเราเป็นอะไร” ฉันต้องก้มลงกราบท่าเบญจางคประดิษฐ์ จึงหายจากความรู้สึกนั้น “แสวงเราเป็นอะไรเหรอ”…แสวง "ลานบริเวณนั้นเป็นสถานที่พระองค์ท่านแสดงธรรมแก่พระอรหันต์" จริงไหมเนี่ย เดินต่อไป ด้วยท่ากางแขนกวาดลม ใครเห็นฉันตอนนั้นคงตลกมาก ยายคนนี้ทำไมหุบแขนไม่ลง ผ่านมาบริเวณทรงสี่เหลียมสีชมพูมีชาวพม่ามายืนไหว้อยู่มากมาย ตรงกับประตูด้านซ้ายขององค์เจดีย์ ทำไมฉันต้องยกมือขึ้นเหนือหัว แลัวมือฉันที่พนมอยู่ ทำไมต้องยกข้ามหัว ฉันเอาไปวางลงท้ายทอย ปลายนิ้วทั้งสิบชี้ขึ้นสู่ฟ้า ด้วยความรู้สึกที่เชื่องช้า ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ในความรู้สึกตอนนั้น ฉันไม่เคยไหว้ใครด้วยความเชื่องช้า เยือกเย็น สงบ สวยงามมากมายขนาดนี้มาก่อน ทำไมฉันอยากสวด ” อิติปิโส “ แต่ฉันสวดบท “ นะโมตัสสะ “ ไม่ได้ฉันต้องสวด "อิติปิโส" แล้วฉันก็ต้องสวดจนจบทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันสวดตะกุกตะกักมาตลอด เพราะสวดได้ไม่ค่อยหมด บูชาด้วยท่าทางที่แปลก สวยงามแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน…ประหลาดใจจริง

“แสวงฉันเป็นอะไรไปอีกแล้วเนี่ย”…"ตรงนี้เป็นสถานที่พระองค์ท่านมาเทศนาให้แก่ ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5" รีบเดินไปเหอะ เดินต่อด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ฉันทำท่าไหว้แปลกนี้ได้อย่างไร ฉันไม่เคยเห็นใครบูชาท่านด้วยท่านี้มาก่อน แสวงตอบฉันว่า…“ท่าทีที่เคารพนั้นเป็นแบบของชาวทิเบต”

เอ้า ! ฉันเคยไปอยู่ทิเบตมาเหรอเนี่ย

ผ่านมาตรงเจดีย์กรรมฐาน 7 วันมือฉันยกขึ้นเหนือหัวแบบพี่กำ ฉันรู้แล้วว่า “ทำไมพี่กำต้องนมัสการพระองค์ด้วยท่าไหว้แบบนั้น” เป็นท่าเคารพพระองค์ท่านแบบพุทธกาลเป็นแน่แท้

เดินรอบใหญ่ด้วยความเบิกบาน ทุกด้านของเจดีย์มีเหตุการณ์ตื่นเต้น แปลกความรู้สึกทุกครั้ง จนแสวงบอกว่า “พี่เดินได้ 8 รอบแล้วนะ” เป็นไปได้อย่างไร ขาฉันไม่รู้เหนื่อยเลย ดีใจจังรอบสุดท้ายแล้ว ด้านแรกมือขวาฉันรับพลังได้มือเดียว ด้านสองมือซ้ายฉันรับพลังได้มือเดียว แสวงอธิบายพุทธประวัติ อะไรฉันเริ่มฟังไม่เข้าใจเลย… ด้าน 3 ตรงทรงสี่เหลี่ยมสีชมพู เลยมาอีกนิด มีต้นโพธิ์ มือฉันยกขึ้นตรงหน้าอกหันฝ่ามือออก แล้วฉันก็เดินก้าวขาไม่ออกเหมือนมีคลื่นลมมาขวางฉัน เป็นผ้าม่านเลยเดินไม่ได้ ฉันพยายามเดินให้ทันแสวง สักพักแสวง…“ฉันเป็นอะไรไปอีกหล่ะ” สมัยพุทธกาลครั้งพระองค์สั่งสอนพระธรรม ตรงบริเวณนั้นเป็นสถานที่ที่พระเทวทัตทรงต่อต้านพระองค์ท่าน…จริงไหมเนี่ย ด้านที่ 4 ผ่านมา เจดีย์ตรงกรรมฐาน 7 วันฉันต้องหยุด แล้วหันมานมัสการด้วยท่า…โอม ที่อาจารย์ประเสริฐบอกฉัน มือที่กางอยู่ของฉันกวาดออกด้านข้าง แล้วยกกวาดเป็นวงกลมสุดแขน ความเชื่องช้าที่สุดกว้างที่สุดทำเป็นวงกลมแล้วฝ่ามือที่ทั้งสองมาประกบกันบนกลางศีรษะของฉัน ฉันไม่เคยคารวะด้วยท่าทางแปลก สงบ เชื่องช้า จิตตั้งมั่น ว่างเปล่าสติอยู่ที่ปลายนิ้วของฉัน แสวงบอกว่า…“เป็นการเคารพพระศิวะในสมัยพุทธกาล”

โอ้ ! แสวง เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยิ่งใหญ่พอ…จะอะไรกันเนี่ย ฉันชักจะไม่เชื่อนายคนนี้ซะแล้ว

: พี่กลับไปเมืองไทยพี่ต้องไปนั่งสมาธินะแล้วพี่จะค้นพบตัวเอง

: คงจะยากนะแสวงเพราะพี่ยังมีภาระมากที่ต้องทำ

: พี่…ถ้าตัดสินใจที่จะเดินทางสายธรรม จะมีคนมาช่วยทำงานแทนพี่ พี่ไม่ต้อง ห่วงหรอก

: เอ้า ! จริงดิ…คอยดูก็แล้วกัน…เชื่อได้ไหมเนี่ย ? เธอเองก็ยังต้อง เพาะพันธุ์กุ้งใน CP อยู่ที่อินเดียเลย

: ทุกครั้งที่ผมมีวันหยุดผมจะไม่กลับเมืองไทย ผมจะนั่งวิปัสสนาประมาณครั้ง 10 วันเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เมื่อก่อนผมก็เคยเป็นคนเกเรผมออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 14 ปี
: เออ…เธอคงไม่เกเร…ธรรมดา แต่ฉันไม่อยากรู้
: แล้ว 10 ปีที่ผ่านมามีจุดหักเหให้ผมค้นพบทางสายธรรม
: อืม…ดีแล้ว อนุโมทนาด้วยนะ
: ปกติผมก็ไม่คุยกับใครหรอกนะ ผมชอบนั่งอยู่เงียบๆคนเดียว ใต้ต้นโพธิ์นั่งมองคนที่เดินรอบเจดีย์แบบเร็วๆ จ้ำเอา…จ้ำเอา…ผมคิดว่าเขาจะได้อะไรไหมเนี่ย

: อือ…พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันน้อง

: ครบ 9 รอบ แล้วพี่

: ตายแล้ว! 09.00 น.แล้ว วุ้นรอพี่อยู่…ไปหาวุ้นกันเหอะ…ใต้ต้นโพธิ์ไม่มีใครรอฉันสักคน พี่ทำยังไงดีนะ…

: พี่…มีผมทั้งคนจะกลัวอะไร เดี๋ยวผมไปส่งเอง ผมเป็นเพื่อนทางสายธรรมกับพี่ไง

: OK ทัวร์เขานัด 11.00 น.ไปสนามบินยังมีเวลาอีก 2 ชม. พี่ไม่หิวข้าวเลย…ไม่เป็นไร

: ผมกินข้าววันละ 1 มื้อเองพี่

: เธออยู่ได้ยังไงหล่ะ

: พี่ ผมคิดว่าร่างกายเป็นแค่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

: เอ้า…ตกลงฉันไม่ใช่…คนแล้ว

: งั้นเราลาพระพุทธองค์กันเหอะ

: ดีจ๊ะ…พี่ยังไม่ได้เก็บข้าวของเลย

ด้วยท่าไหว้อันประหลาดของฉัน ทำแบบมีความสุขสุด ๆ ลาเสร็จแล้วแสวงก็เข้าไปพูดภาษาอังกฤษกับพระที่นั่งอยู่ภายในเจดีย์ สักพักพระก็ถือไม้ขนไก่ขึ้นไปยังพระองค์ท่านแล้วเดินลงมายังฉันอีกครั้ง แสวงบอกว่า…พี่เอาผ้าพันคอ…รับสิ…รับอะไรเหรอ…เออรับก็รับ…พระเจ้า ! สังฆาฏิที่ห่มพระองค์ท่านเมื่อวานมาอยู่ในมือฉัน หัวใจพองโตเป็นอย่างยิ่ง นึกขอบใจแสวงเป็นอย่างยิ่ง
เดินออกมาหน้าเจดีย์ฉันเจอพระทิเบตนามว่า จิกมี่ รินโปเช เคยเจอเมื่อคืน เพราะพระท่านชื่นชมตี่ มากที่ดูแลคุณแม่อย่างดี เข้ามาทักว่าตี่ กลับเมืองไทยแล้วใช่ไหม จะฝากของบางอย่างให้ตี่ ด้วย ฉันและแสวงเดินตามท่านมาถึงหน้าวัดและท่านบอกว่า…จะไปส่งฉันที่โรงแรม โอ้ ! ดีจังเลย ท่านมีรถส่วนตัวพร้อมคนขับชาวอินเดียถึงโรงแรม ส่วนใหญ่ทุกคนอยู่บนรถบัสมีอาจารย์ประเสริฐยืนยิ้มอยู่หน้ารถ ฉันพยายามทำหน้าบอกว่า…ขอโทษที่มาสายเพราะฉันมี.....ธุระจริงๆ

พระทิเบตล้วงซองขาวให้ 3 ซองให้ ฉัน เจี๊ยบและตี่พร้อมกับผ้าขาวคล้องคอ 1 ผืน ซึ่งฉันยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงท่านหันไปเห็นพี่กำ กับพี่กรองแก้ว ท่านเลยเรียกให้พี่ทั้งสองมารับด้วย ฉันไหว้ลาพระทิเบตและแสวงขึ้นรถขับออกไป บ๊าย บายจนสุดสายตา เอ้า ! ฉันบ๊าย บายพระได้ด้วยเหรอเนี่ย ลืมตัว…ขอโทษด้วยค่ะ ปรากฏว่าฉันขึ้นรถกลับไปวัดอีกแล้วเพราะอาจารย์จะไปถวายข้าวมธุปายาสตอน 10.00 น.ฉันเดินสวนกับแสวงอีกครั้ง เอ้า ! พี่มาทำไม…อ้อ…ผมก็จะมาถวายข้าว น้ำตาล ถั่ว เหรอ…เออ…พี่ยังไม่ได้เบอร์เธอนะ ไม่เป็นไรพี่…ผมมีนามบัตรพี่แล้วเดี๋ยวผมโทรไปเอง โชคดีนะ…ลาก่อน เสร็จแล้วกลับมาที่โรงแรม รถจะออกช้าสุด 12.30 น. ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยมีเวลาเกือบชั่วโมงฉันต้องรีบสุดชีวิต เพราะทำให้คนอื่นรอลงมาในห้องอาหารเพราะประเสริฐ(แฟนครูวุ้น)เพื่อนฉัน โทรตาม…“จุ่มเร็วลงมากินข้าว”ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าแม้แต่น้ำแต่ฉันไม่รู้สึกหิวเลย ฉันหยิบ นาน 1 ชิ้น มะเขือเทศ 2 ชิ้นมานั่งกินฉันเคี้ยวทุกอย่างเหมือนเคี้ยวกระดาษ ลิ้นฉันชาไม่รู้สึกถึงรสชาดเลย เคี้ยวได้สามคำไม่เอาแล้วอิ่ม ไปเหอะขึ้นรถเราสามคนสายแล้ว ฉัน วุ้นและประเสริฐ(แฟนครูวุ้น) ขึ้นรถฉันหาพาสปอร์ตไม่เจอ หายไปไหน ตั้งแต่มาฉันยังไม่เอาออกจากกระเป๋าเลย สามคนช่วยกันหา…ขอบใจมากเพื่อน ไม่เป็นไรฉันอยู่ต่อแก้ปัญหาเอง ทุกคนไปเหอะเดี๋ยวไม่ทันเครื่องบิน คุณนิดบอกวุ้นนั่งรถบัสไปก่อนค่อยแก้ปัญหาฉันจะโทรหาแก…เจี๊ยบ แต่มันจะช่วยอะไรได้วะ เลยไม่โทร ฉันนั่งลงบอกกับตัวเอง ไม่เป็นไรยังมีแสวงอยู่วัดไทยและซันเจอยู่ใกล้ๆโรงแรม ฉันคงแก้ปัญหาได้ ดีเหมือนกันได้อยู่ต่อ รอบกลางของเจดีย์ฉันยังไม่ได้เดินเลย ฉันเอามือล้วงเจอพาสปอร์ตอยู่ในกระเป๋า มาได้ยังไง Incredible India ปีหน้าเจอกันใหม่นะ เดินรอบเจดีย์รอบกลาง

ของฝากท้ายเรื่อง
ทุกคนที่อ่านเรื่องเล่าของฉันต้องไปกราบขอบคุณอาจารย์ประเสริฐที่พาฉันไปอินเดีย

ขอบคุณพี่เขี่ยมที่พูดจนฉันแพ้ใจต้องไปอินเดีย

ขอบคุณพี่เจี๊ยบที่บังคับให้ฉันเขียน

ขอบคุณพี่ดี้ที่พิมพ์ให้คุณอ่าน

และขอบคุณทุกๆคนที่เป็นเพื่อนฉันในทางสายธรรม

2 ท่าน................ผู้คุ้นเคย.

โดย ธรรมเบ็ดเตล็ดลูกศิษย์หลวงพ่อชุมพล พลปัญโญ

วันที่สองของการเดินทาง ฉันเก็บใบโพธิ์จากคืนแรกได้มากมายหลายใบ เหลือหลังจากแจกเพื่อนแล้ว อยากให้อาจารย์ประเสริฐเสกให้เพราะเจี๊ยบบอกว่า…อาจารย์เสกได้ตลอดเวลา…น่าอัศจรรย์จริงๆ ตอนเย็นหลังจากพิธีถวายกระถางให้วัดพุทธคยา (main temple) มีเจ้าอาวาสมารับกระถางเสร็จแล้วอาจารย์ยืนว่างอยู่ฉันเลยเอาใบโพธิ์ให้อาจารย์เสก อาจารย์ประเสริฐทักว่า

“ทำไมเธอได้ใบโพธิ์มากจัง” ฉันตอบ "มีคนช่วยหามาให้ค่ะอาจารย์" ...อาจารย์หลับตาเสกใบโพธิ์ให้ฉันสักพัก ลืมตาแล้วถามฉันว่าเธอรู้สึกคุ้นเคยที่นี้ไหม คำถามอาจารย์เกี่ยวกับใบโพธิ์ไหมเนี่ย…ฉันตอบ…ก็ไม่เท่าไหร่เพราะฉันพึ่งมาครั้งแรก ถ้าจะตอบว่า…รู้สึกเฉย ๆ มากก็เกรงใจอาจารย์ประเสริฐจะว่าได้ ฉันถามต่อว่า "อาจารย์ ชาติที่แล้วฉันเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชายคะ" อาจารย์ตอบ "ก็ไม่เชิงนะ ถ้าเป็นผู้ชายชาตินี้ก็คงมีลูกชายไปแล้ว" คำตอบอาจารย์ประเสริฐ ทำให้ฉันงงมาก…"ก็ไม่เชิง" แปลว่าอะไร ฉันคงเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ต้นไม้ใบหญ้า… ช่างมันเหอะชาตินี้เป็นคนแล้วนี่ มีโอกาสบำเพ็ญบุญให้ตัวเองและญาติมิตร แค่นี้ก็บุญโขแล้วนะ อาจารย์ตอบเป็นปริศนามาก ๆ ฉันคงโง่มากเลยสินะที่ไม่เข้าใจในคำตอบของอาจารย์เลย จนวันสุดท้ายที่ฉันเดิน 9 รอบใหญ่ของวัดพบกับเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจมากมาย ฉันมาเล่าเหตุการณ์ให้อาจารย์ฟังอีกครั้งอาจารย์หัวเราะเสียงดังแบบสีหน้ามีความสุขสุด ๆ แล้วตอบว่าฉันเคยถามเธอแล้วใช่ไหม ว่ารู้สึกคุ้นเคยไหม ฉันไม่ได้เป็นคนถามนะ มีท่านบอกให้ฉันถามเธอแทน แต่เธอตอบว่า "ไม่" ท่านผู้ คุ้นเคยของเธอดีใจที่เธอมาอินเดีย มาที่วัดแห่งนี้ ท่านอยู่ข้างบน เห็นเธอมาเลยพากันลงมา ทักทายเธอด้วยท่าทางการทักทายที่แตกต่างกันทุกท่านเลย ในวันสุดท้าย ที่เธอเดินรอบใหญ่จิตเธอสงบสุขมากแล้วเพราะเธอเดิน 108 รอบ เจดีย์เสร็จแล้วทำให้เธอไม่คาดหวังอะไรแล้ว เธอตั้งใจจะเดินเล่น ๆ ให้ถึงเวลานัดกลับโรงแรมจะพักเพื่อเดินทางกลับไทย แต่นั่นคือเหตุการณ์บทสรุปของฉัน ที่ฉันเจอเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกจนจบ กราบขอบคุณอาจารย์ประเสริฐอย่างสูงที่พูดกับฉันด้วยคำปริศนาตลอดเวลา ทำให้ฉันมีการบ้านต้องคิดที่คุยกับอาจารย์ทุกเรื่อง อาจารย์ประเสริฐอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนุกสนานแตกต่างกับแสวง ทุก ๆ เรื่อง ฉันก็งงว่ายังไงดีนี่…เจี๊ยบบอกฉันว่า “เธอเชื่ออาจารย์ประเสริฐมากกว่า” ก็น่าจะจริงนะ เพราะว่าฉันเล่าให้อาจารย์ฟังที่สนามบินเสร็จแล้ว เดินขึ้นเครื่องบินสายการบินไทย พนักงานต้อนรับทักทายทุกคนว่า "สวัสดีค่ะ"…แต่ทักฉันว่า…"อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ"

ฉันขึ้นเครื่องคนสุดท้าย…ช้าอีกตามเคย อาจารย์ประเสริฐบอกว่า…นั่งข้างอาจารย์นะ ฉันบอกอาจารย์ว่า…"ฉันปวดหัวมากเลยไม่รู้เป็นอะไร" นั่งลงเรียบร้อยแล้วอาจารย์บอก "ฉันยังไม่ได้บอกลาผู้คุ้นเคยเลย" เอ้าเหรอ ! นี้ท่านตามมาส่งฉันขนาดนี้เลยหรือนี่ ฉันว่าตามอาจารย์ ”ให้บอกลาท่านผู้คุ้นเคย”เสร็จอาจารย์บอกว่า…ท่านยังไปไม่หมดเพราะบอกลาท่านเดียว ต้องบอกว่า…”ข้าขอลาท่านผู้คุ้นเคยทุกท่านกลับเมืองไทยก่อนนะคะ” ด้วยท่าไหว้ยกมือพนมไว้เหนือกลางศีรษะนานประมาณ 2 นาที ฉันจึงเอามือลงได้ แล้วฉันก็หายปวดหัวเลย อาจารย์ประเสริฐบอกว่า…ไปหมดแล้วนะ ฉันรู้สึกประทับใจ ประหลาดใจ อัศจรรย์ใจฉันบรรยายความรู้สึกด้วยคำพูดอันใดดีจะสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจความ รู้สึกของฉัน…ไม่มี แต่ฉันรู้สึก อิ่ม…สดชื่นในหัวใจอย่างที่สุด คำถามสุดท้ายที่ฉันถามอาจารย์คือ…"อาจารย์คะที่อาจารย์เคยตอบว่า…ฉันเป็น หญิงหรือเป็นชายเมื่อปางก่อนอาจารย์บอกว่าไม่เชิงแสดงว่าฉันเป็นเหมือนท่าน ผู้คุ้นเคยใช่ไหม" อาจารย์ประเสริฐตอบ…"เออ….ใช่"
สุดท้ายขอฝากไว้ว่า
Incredible !ndia

เล่าโดย...คุณจุ่ม