Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:42
รับทราบ ทราบแล้วเข้าใจในเหตุเกิด แค่รับทราบ
ไม่ให้ใจไหลไปกับสิ่งต่าง ๆ สร้างความรู้สึกไปกับมัน
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ได้ยินก็รับทราบ ได้เห็นก็รับทราบ ได้กลิ่นก็รับทราบ
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:40
เห็นสิ่งที่เราชอบก็เฉย ไม่ชอบก็เฉย ๆ
เห็นพระพุทธเราก็เฉย พระธรรมพระสงฆ์เราเฉย ๆ
สภาวะของขันธ์ห้า เกิดแก่เจ็บตาย เราเฉย
โลกธรรม กฎแห่งกรรม เราก็เฉย
พรหมวิหารเราเฉย บารมีสิบ เราก็เฉย
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:39
ทางเดินแห่งมรรคผล ต้องควบคุมจิตให้เย็นสงบ
เป็นหัวใจสำคัญ ถ้าจิตร้อน หนทางมรรคผลย่อมไม่มี
สิ่งร้อน มักเป็นสิ่งเสีย การกระทำเสีย เพราะจิตร้อน
จิตเป็นศูนย์กลาง ถ้าจิตร้อน ทุกสิ่งร้อนหมด เสียหมด
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:37
เราได้เห็นเจ้ากิเลสตัณหาอุปาทานแล้ว
ไม่ว่าเจ้าจะหลบซ่อนอยู่ที่ใด เราก็ตามไปรู้ ไปเห็น เจ้าหนีเราไม่ได้
เราเป็นสุขที่ได้เห็น ได้เข้าใจ ในตัวกิเลสตัณหาอุปาทาน
กิเลสเจ้าจะหลบเราไม่ได้อีกแล้ว
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:36
จะเอาชนะกันไปถึงไหน ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไร
ทุกข์ใจยังไม่พอหรือ ต้องให้ตายกันไปข้างหนึ่งด้วยหรือ
ไม่เห็นความลำบากในการดำรงชีวิต
แค่ประคองให้อยู่รอด ก็เหนื่อยพอแรงแล้ว
ทำไมต้องแบกกิเลส ให้มันหนักมากขึ้น
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:35
ทนกับสิ่งเสียได้หรือไม่ วางใจในสิ่งสุขได้หรือไม่
ถ้าทนได้ เราผ่าน ทนไม่ได้เราสอบตก
ละวางสุขได้ เฉยเฉย ดูมันไปไม่ลิงโลดเราสอบผ่าน
เราต้องอยู่กับความเหงา หว้าเหว่ ความป่วยไข้
Submitted by wd on พ, 04/06/2008 - 08:31
กรรม กำหนดเส้นทางให้เราเดิน
อย่าหลงให้กิเลสกำหนดให้เราเดิน
กรรมกำหนดทางเดินก็จริง แต่เราเดินด้วยมรรค
กรรมกำหนดว่า ต้องอยู่ในสภาพนั้น สิ่งแวดล้อมอย่างนั้น
เรายอมรับการกำหนดนั้น จะชอบไม่ชอบ เลือกไม่ได้
หน้า